การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก และชะลอวัยได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนอาจประสบปัญหา ฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป หลังจากทำหัตถการไปแล้ว ทำให้ใบหน้าดูผิดรูป ไม่สมดุล หรือมีก้อนนูนผิดปกติ
ฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง การเลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด หรือการดูแลตัวเองหลังการทำหัตถการที่ผิดวิธี ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ฉีดฟิลเลอร์ แม้จะใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานก็ตาม หากไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับปัญหา ฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป อย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการที่ควรสังเกต วิธีการป้องกัน ไปจนถึงแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์อย่างมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
ปัญหาที่พบบ่อยบนใบหน้า ได้แก่
- จมูกไม่สูง ไม่โด่ง ต้องการเสริมสันจมูกให้ดูมีมิติ
- คางสั้น คางเล็ก ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน
- แก้มยุบ เหนียง ขาดความอิ่มเอิบ ดูซูบผอม
- ร่องแก้มลึก ทำให้ดูแก่กว่าวัย
- ร่องน้ำตา ใต้ตาลึก ทำให้ดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- ริ้วรอยรอบปาก หางตา จากการมีอายุมากขึ้น
- หน้าผากแบน ต้องการเพิ่มมิติให้ดูมีลูกเล่น
- ริมฝีปากบาง อยากให้ดูอิ่มฉ่ำมากขึ้น
หากปัญหาบนใบหน้าไม่มากนัก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมาก แค่ปรับแต่งเล็กน้อยก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่สวยงามได้แล้ว แต่หากมีปัญหาหลายบริเวณตั้งแต่หน้าผาก จมูก แก้ม ไปจนถึงคาง ก็จำเป็นต้องมีการวางแผนการรักษาอย่างรอบคอบ และอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อปรับสัดส่วนให้สมดุลและเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์แล้วไหลย้อยมีปัจจัยที่ทำให้เกิดจากอะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป หรือฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกประเภทของฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ที่สลายตัวได้ ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือแม้แต่การฉีดไขมันตัวเอง ทั้งหมดมีความเสี่ยงที่จะเกิดการไหลย้อยได้ หากไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฟิลเลอร์ย้อย
1. ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
ประสบการณ์ของแพทย์มีความสำคัญ 100% ต่อความสำเร็จของการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ที่มีประสบการณ์จะต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องต่อไปนี้
- การวิเคราะห์รูปหน้าของผู้รับบริการ – ต้องสามารถประเมินได้ว่าปัญหาอยู่ที่จุดไหนของใบหน้า บริเวณไหนต้องการการเติมเต็ม และควรเติมในปริมาณเท่าไร
- การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง – แต่ละยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์มีความหนืดและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะฉีด
- การกำหนดระดับชั้นผิวที่ใช้ในการฉีด – การฉีดในชั้นผิวที่ถูกต้องจะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่กับที่และไม่เคลื่อนย้าย
2. การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้และมีคุณภาพ
ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานมักมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการไหลย้อย เนื่องจากไม่มีความคงตัวเพียงพอ การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็น
3. การดูแลตนเองหลังการฉีด
แม้แพทย์จะฉีดอย่างถูกต้อง แต่หากผู้รับบริการไม่ดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ก็อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนย้ายได้ เช่น
- การนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดแรงเกินไป
- การออกกำลังกายหนักหรือก้มหน้าบ่อยๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- การนอนคว่ำหรือนอนตะแคงทับบริเวณที่ฉีด
- การทำทรีทเมนต์ร้อน เช่น อบไอน้ำ ซาวน่า ในช่วงแรก
4. ลักษณะโครงสร้างใบหน้าของผู้รับบริการ
บางคนมีผิวหนังบางหรือมีกล้ามเนื้อใบหน้าที่เคลื่อนไหวมาก ก็อาจมีความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่าคนอื่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละบุคคล
| อ่านเพิ่มเติม ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน แก้อย่างไร
1. การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป
การพยายามอัดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินความจำเป็นเป็นสาเหตุหลักของการไหลย้อย เมื่อฉีดฟิลเลอร์มากเกินไปในบริเวณที่มีพื้นที่รองรับจำกัด ฟิลเลอร์จะถูกบีบให้กระจายออกไปยังบริเวณข้างเคียง ทำให้เกิดผลดังนี้
- เกิดการกระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ เช่น ฉีดที่คาง แต่ไหลไปยังคอ หรือฉีดที่แก้ม แต่ไหลลงมาที่กราม
- ใบหน้าบวมหรือดูไม่สมดุล เพราะมีฟิลเลอร์มากเกินกว่าที่ผิวหนังจะรองรับได้
- เกิดก้อนหรือปุ่มนูน ในบริเวณที่ฟิลเลอร์สะสม
หลักการที่ดีคือ ฉีดน้อยกว่าที่คิดในครั้งแรก และค่อยๆ เติมในครั้งต่อไปหากจำเป็น การฉีดแบบค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยกว่า
2. การเลือกใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภทกับตำแหน่งที่ฉีด
ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีความหนืด (viscosity) และความยืดหยุ่นที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภทจึงเป็นสาเหตุสำคัญของการไหลย้อย
ฟิลเลอร์ความหนืดต่ำ (Soft Filler)
- เหมาะสำหรับบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก
- หากนำไปใช้ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก จะเกิดการไหลย้อยได้ง่าย
ฟิลเลอร์ความหนืดสูง (Hard Filler)
- เหมาะสำหรับการเสริมโครงสร้าง เช่น คาง จมูก กระดูกแก้ม
- หากนำไปใช้ในบริเวณที่ต้องการความนุ่มนวล อาจทำให้ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
ตัวอย่างการเลือกผิดที่พบบ่อย
- ใช้ฟิลเลอร์เนื้อนุ่มในบริเวณร่องแก้มที่มีการขยับตอนพูดยิ้ม ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน ฟิลเลอร์จะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมา
- ใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งในบริเวณใต้ตา ทำให้ดูแข็ง มีปุ่มนูน และคลำรู้สึกได้
3. การฉีดผิดชั้นผิวหนัง
ผิวหนังมีหลายชั้น และแต่ละบริเวณของใบหน้าควรฉีดในชั้นที่แตกต่างกัน
ชั้นผิวหนังและตำแหน่งที่เหมาะสม
- ชั้นผิวหนังชั้นนอก (Superficial layer) – เหมาะสำหรับริ้วรอยเล็กๆ
- ชั้นผิวหนังชั้นกลาง (Mid-dermal layer) – เหมาะสำหรับริ้วรอยลึก ร่องแก้ม
- ชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous layer) – เหมาะสำหรับการเสริมโครงสร้าง ยกกระชับ
- ชั้นเหนือกระดูก (Supraperiosteal) – เหมาะสำหรับการปรับโครงหน้า
ปัญหาที่เกิดจากการฉีดผิดชั้น
- ฉีดตื้นเกินไป – อาจทำให้เห็นก้อนฟิลเลอร์ ผิวดูไม่เรียบ หรือมีสีขาวคล้ำแปลกไป
- ฉีดลึกเกินไป – อาจไม่เห็นผลตามที่ต้องการ หรือฟิลเลอร์อาจกระจายไปในบริเวณกว้างเกินไป
- ฉีดใกล้กล้ามเนื้อมากเกินไป – เมื่อกล้ามเนื้อหดตัว-คลายตัวตอนแสดงสีหน้า จะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ตามไปด้วย (movement) และเกิดการไหลย้อยออกจากตำแหน่งเดิมได้อย่างชัดเจน
บริเวณที่มีความเสี่ยงสูง
- บริเวณรอบดวงตา – มีการเคลื่อนไหวตอนกระพริบและแสดงสีหน้า
- ร่องแก้ม – มีการขยับตอนพูดและยิ้ม
- บริเวณรอบปาก – มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาตอนพูดและเคี้ยวอาหาร
4. การไม่มีการวางแผนการรักษาที่ดี
การฉีดฟิลเลอร์ควรมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่เติมตรงจุดที่มีปัญหาเท่านั้น แพทย์ที่ดีจะต้อง
- ประเมินสัดส่วนของใบหน้าโดยรวม
- วางแผนลำดับความสำคัญของการปรับแต่ง
- คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
- ติดตามผลและปรับแต่งเพิ่มเติมหากจำเป็น
5. คุณภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้
ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพต่ำหรือปลอม มักมีลักษณะดังนี้
- ความคงตัวต่ำ ง่ายต่อการกระจายและไหลย้อย
- อาจมีสิ่งปนเปื้อนที่ทำให้เกิดการอักเสบหรือแพ้
- ไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ได้
- อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
1. ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. บนกล่อง – ฟิลเลอร์แท้ทุกตัวที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างถูกต้องจะต้องมีเลขทะเบียน อย. ติดอยู่บนกล่องอย่างชัดเจน พร้อมฉลากภาษาไทยระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ควรขอดูกล่องและถ่ายรูปเลขทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน
2. ตรวจสอบ QR Code หรือรหัสกำกับแหล่งที่มา – ฟิลเลอร์ยี่ห้อดังเช่น Juvederm, Restylane, Belotero และ Neuramis มักมี QR Code หรือสติ๊กเกอร์ตรวจสอบความแท้ที่สามารถสแกนหรือตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันได้
3. สังเกตเลขล็อตบนกล่องและบนขวด – เลขล็อตที่พิมพ์บนกล่องและบนหลอดต้องตรงกันทุกประการ หากไม่ตรงกันหรือดูเหมือนถูกแก้ไข อาจเป็นของปลอม
4. ตรวจสอบกับบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง – สามารถโทรศัพท์หรือส่งรูปเลขล็อตให้บริษัทผู้นำเข้าตรวจสอบความแท้ผ่านช่องทางออนไลน์ Line Official หรือแอปพลิเคชัน
5. สังเกตการเปิดหลอดในขั้นตอนการทำหัตถการ – แพทย์ต้องหักปากหลอดทิ้งต่อหน้าคุณเพื่อยืนยันว่าเป็นหลอดใหม่ ห้ามรับหลอดที่เปิดมาแล้ว และควรขอดูฉลากบนไซริงค์ให้ชัดเจน
6. สังเกตบรรจุภัณฑ์และคุณภาพการพิมพ์ – กล่องแท้จะมีการพิมพ์คมชัด สีสันสดใส กระดาษหนามีคุณภาพ ส่วนของปลอมมักมีการพิมพ์มัว สีไม่ตรง กระดาษบาง
7. ขอใบรับรองและเอกสาร – คลินิกที่มีมาตรฐานต้องแสดงใบรับรองการนำเข้า ใบรับประกันความแท้ และใบรับรองหลังทำหัตถการที่ระบุชื่อฟิลเลอร์ ปริมาณ และเลขล็อต พร้อมสติ๊กเกอร์จากหลอดเป็นหลักฐาน
8. สังเกตราคาที่สมเหตุสมผล – ฟิลเลอร์แท้จากต่างประเทศราคา 8,000-25,000 บาท/ซีซี และฟิลเลอร์ไทยราคา 5,000-15,000 บาท/ซีซี หากราคาถูกผิดปกติหรือมีโปรโมชั่นดีเกินจริง ควรระวัง
9. ตรวจสอบชื่อคลินิกและแพทย์ – ตรวจสอบว่าคลินิกมีใบอนุญาตถูกต้อง และแพทย์มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา คลินิกที่ดีจะโปร่งใสและพร้อมให้ตรวจสอบข้อมูล
- วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ ได้ที่นี่
สรุป
ฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้และควรได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และการใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันปัญหานี้
หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ เช่น ใบหน้าบวม มีก้อนนูนผิดที่ ผิวหนังเปลี่ยนสี หรือรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีด ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที อย่ารอให้ปัญหาลุกลามจนยากต่อการแก้ไข การดูแลตนเองหลังฉีดอย่างถูกวิธี การหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือการออกกำลังหนักในช่วง 2 สัปดาห์แรก จะช่วยลดความเสี่ยงของฟิลเลอร์ย้อยได้อย่างมาก
ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก และเลือกแพทย์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ

