การฉีดไขมันหน้าเป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนไม่ทราบคือการเลือก ประเภทไขมัน ที่เหมาะสมกับแต่ละบริเวณและจุดประสงค์ของการรักษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของหัตถการ
ทำความเข้าใจกับการฉีดไขมันหน้า
การฉีดไขมันหน้าเป็นหัตถการที่ใช้ไขมันจากร่างกายของผู้รับการรักษาเอง โดยดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือต้นแขน จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการปรับปรุงและสกัดให้ได้เฉพาะส่วนที่เป็นไขมันคุณภาพดี ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่บริเวณใบหน้าที่ต้องการเติมเต็มหรือปรับปรุงรูปร่าง
ข้อดีสำคัญของการฉีดไขมันคือการใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายเอง ทำให้ลดความเสี่ยงจากการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย นอกจากนี้ไขมันยังมีสเต็มเซลล์เป็นองค์ประกอบ ซึ่งช่วยในการฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าให้ดูสุขภาพดีขึ้น
1. Fat Graft (ไขมันขนาดใหญ่)
Fat Graft เป็นไขมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มไขมันที่ใช้สำหรับการฉีด ลักษณะเด่นของไขมันประเภทนี้คือมีปริมาตรมากและให้ผลเติมเต็มที่ชัดเจน
การใช้งาน
- ปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าขนาดใหญ่
- เติมเต็มบริเวณที่ต้องการปริมาตรมาก เช่น แก้ม กรามที่บุ๋ม
- ใช้ในการฉีดเพิ่มขนาดหน้าอกหรือสะโพก
ข้อดี
- ให้ปริมาตรที่มาก เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างใหญ่
- ความคงทนสูง เนื่องจากมีเซลล์ไขมันที่แข็งแรง
- ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมองเห็นได้ทันที
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้ความชำนาญสูงในการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- อาจมีการบวมมากกว่าไขมันประเภทอื่น
2. Microfat (ไขมันขนาดกลาง)
Microfat เป็นไขมันที่ผ่านการปรับแต่งให้มีขนาดเล็กลงจาก Fat Graft ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในบริเวณใบหน้าที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น
การใช้งาน
- เติมเต็มร่องลึกบริเวณแก้มหรือร่องมุมปาก
- ปรับปรุงหน้าผากที่แบนเรียบให้นูนสวย
- แก้ไขหน้าตอบหน้าแห้งให้เด้งฟูมีมิติ
- เติมเต็มบริเวณขมับที่บุ๋ม
ข้อดี
- ความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง เหมาะกับหลายบริเวณ
- ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- ระยะเวลาในการฟื้นตัวปานกลาง
ข้อควรพิจารณา
- ต้องการเทคนิคที่ถูกต้องในการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ
- อาจต้องฉีดหลายครั้งสำหรับผลลัพธ์ที่ต้องการ
3. Nanofat (ไขมันขนาดเล็ก)
Nanofat เป็นไขมันที่มีขนาดเล็กที่สุดในระดับนาโน ผลิตจากการผ่านกระบวนการปรับแต่งพิเศษให้มีขนาดเล็กมาก เหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณที่ละเอียดอ่อนและต้องการความนุ่มนวลสูง
การใช้งาน
- บริเวณใต้ตาที่บอบบาง
- แก้ไขหลุมสิวขนาดเล็ก
- ปรับปรุงรอยริ้วรอยเหี่ยวย่น
- ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวา
- บริเวณปากที่ต้องการความละเอียด
ข้อดี
- เหมาะสำหรับบริเวณที่ละเอียดอ่อน
- ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมาก
- ระยะเวลาในการฟื้นตัวเร็ว
- ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- ให้ปริมาตรน้อยกว่าไขมันประเภทอื่น
- อาจต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
ประโยชน์ของการใช้ PRP ร่วมกัน
- กระตุ้นการเติบโตของเซลล์ใหม่
- ช่วยซ่อมแซมผิวที่ได้รับความเสียหาย
- ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมามีคอลลาเจน
- ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอยและแผลเป็น
- ช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดไขมันคงทนนานขึ้น
- ต้นขา: เป็นแหล่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากไขมันจากบริเวณนี้มีลักษณะแน่นกระชับ ไม่เปื่อยยุ่ยเละ และมีสเต็มเซลล์ในปริมาณที่ดี
- หน้าท้อง: ไขมันจากบริเวณนี้มีปริมาณมากและเข้าถึงง่าย แต่อาจมีเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มกว่าต้นขา
- ต้นแขน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในบริเวณนี้ แต่ปริมาณที่ได้อาจจำกัด
- ความปลอดภัยสูง: ไม่มีความเสี่ยงจากการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้าน
- ผลลัพธ์ธรรมชาติ: ไขมันจะผสมผสานกับเนื้อเยื่อเดิมได้ดี
- มีสเต็มเซลล์: ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้า
- ความคงทน: ไขมันที่มีชีวิตสามารถคงรูปร่างได้นานกว่าฟิลเลอร์
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอม: เป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายเอง
สรุป
ประเภทไขมัน ที่ใช้ในการฉีดไขมันหน้ามีทั้งหมด 3 ประเภทหลัก คือ Fat Graft, Microfat และ Nanofat แต่ละประเภทมีข้อดีและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกประเภทไขมันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษา ผลลัพธ์ที่ต้องการ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การฉีดไขมันหน้า เป็นหัตถการที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ การใช้ไขมันจากร่างกายเองทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการแพ้หรือปฏิกิริยาข้างเคียง และยังช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจการฉีดไขมันหน้า ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกประเภทไขมันที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมกับใบหน้านะคะ