ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนดีกว่า?

ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนดีกว่า

ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องลึกใต้ตา และถุงใต้ตาเป็นปัญหาความงามที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและขาดความสดใส ปัจจุบันมีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้หลายวิธี โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

ความแตกต่างพื้นฐานของการฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 
ความแตกต่างพื้นฐานของการฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดไขมันใต้ตา (Fat Transfer)

การฉีดไขมันใต้ตาเป็นกระบวนการที่ใช้ไขมันจากร่างกายตัวเอง โดยแพทย์จะดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก จากนั้นนำไขมันที่ได้มาผ่านกระบวนการปั่นแยกเพื่อสกัดสเต็มเซลล์คุณภาพดี ก่อนฉีดเข้าไปยังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา – ทำความรู้จักการฉีดไขมันใต้ตาพร้อมวิธีการดูแลแบบเจาะลึก

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Hyaluronic Acid Filler)

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการใช้สารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ฉีดเข้าไปในบริเวณใต้ตาเพื่อเติมเต็มร่องลึกและลดรอยคล้ำ ทำให้ใต้ตาดูอิ่มเต่งและสดใสขึ้น – ฉีดใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ ความสำคัญและข้อควรรู้

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ข้อดี

ข้อดีฉีดไขมันใต้ตาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ความปลอดภัยใช้ไขมันตัวเอง ลดความเสี่ยงการแพ้ฟิลเลอร์แท้ปลอดภัย สลายได้เอง
ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานมากกว่า 1-2 ปีเห็นผลทันทีหลังฉีด
คุณภาพผิวมีสเต็มเซลล์ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
การแก้ไขผลลัพธ์อาจถาวรแก้ไขหรือสลายได้ 100%

ข้อเสีย

ข้อเสียฉีดไขมันใต้ตาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ขั้นตอนการทำซับซ้อน ต้องดูดไขมันก่อนต้องฉีดซ้ำเป็นประจำ
ระยะเวลาพักฟื้น1-2 สัปดาห์ มีแผลจากดูดไขมัน2-3 วัน บวมเล็กน้อย
ความแน่นอนไม่แน่นอน อาจไม่ติดหรือยุบผลลัพธ์ไม่ถาวร
ความเสี่ยงสูงกว่า หากเข้าหลอดเลือดแก้ยากต่ำกว่า มีเอนไซม์สลายได้
ความคงทนอาจอยู่แค่ 3-4 เดือนในบางรายต้องฉีดซ้ำทุก 6-18 เดือน
ค่าใช้จ่ายสูงในครั้งแรก แต่อาจต้องทำซ้ำต่ำในครั้งแรก แต่สะสมจากการฉีดซ้ำ

ข้อควรระวัง ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เมื่อพิจารณาเรื่องความปลอดภัย ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

 
ข้อควรระวัง ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ความเสี่ยงจากการฉีดไขมันใต้ตา

การฉีดไขมันมีความเสี่ยงสูงกว่าหากเกิดการฉีดเข้าหลอดเลือด เนื่องจากไขมันไม่สามารถสลายได้ทันที หากเกิดภาวะ Central Retinal Artery Occlusion อาจทำให้เกิดการตาบอดถาวรได้ นอกจากนี้อาจเกิดปัญหาไขมันจับเป็นก้อน ทำให้ผิวไม่เรียบ

ความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

แม้ฟิลเลอร์จะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน แต่สามารถแก้ไขได้ทันทีด้วยเอนไซม์ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) ที่สามารถสลายฟิลเลอร์ได้ 100% ทำให้ความเสี่ยงลดลงอย่างมาก

ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่และการพักฟื้น

ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่และการพักฟื้น

การฉีดไขมันใต้ตา

  • ระยะเวลาคงอยู่: 1-2 ปี แต่อาจสั้นลงได้หากร่างกายดูดซึมไขมัน
  • การพักฟื้น: 2-4 สัปดาห์ มีการบวมและต้องดูแลแผลจากการดูดไขมัน
  • ความแน่นอน: ไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้แน่นอน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ระยะเวลาคงอยู่: 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์
  • การพักฟื้น: 2-3 วัน อาจมีการบวมเล็กน้อย
  • ความแน่นอน: เห็นผลทันทีและคาดเดาได้

สรุป

การเปรียบเทียบ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แสดงให้เห็นว่าทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การฉีดไขมันใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานและยอมรับได้กับความไม่แน่นอน ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ปลอดภัย และเห็นผลทันท

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยไม่ว่าจะเลือกวิธีใด การปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคลนะคะ

About The Author