ฉีดอะไรดี? ระหว่าง ฟิลเลอร์กับไขมันตนเอง

ฉีดอะไรดี? ระหว่าง “ฟิลเลอร์” กับ “ไขมันตนเอง”

ต้องขออธิบายก่อนว่า “ฟิลเลอร์” กับ “ไขมันตนเอง” ก็คือสารเติมเต็มเหมือนกัน สามารใช้เติมเต็มในส่วนที่บกพร่องได้เหมือนกัน แต่ฟิลเลอร์ที่คนส่วนใหญ่หมายถึงนั้นก็คือ สารกลุ่ม ไฮยารูลอนิก แอซิดนั้นเอง

ฉีดอะไรดี ระหว่างฟิลเลอร์กับไขมัน

เราอาจจะเลือกไม่ได้ว่าฉีดอะไรดีกว่ากันเพราะฉะนั้นมาดูความแตกต่างระหว่างฉีดฟิลเลอร์กับไขมันทั้ง 5 ข้อ เผื่อเป็นตัวช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น

1.ราคา สารเติมเต็มจากไขมันตนเองจะมีราคาต้นทุนที่ต่ำกว่า สามารถเติมได้หลายcc
ถ้าหากเป็นตัวฟิลเลอร์ สารกลุ่มไฮยารอลูนิก แอซิด ซึ่งถ้าเป็นของแบรนด์ดีๆจากอเมริกา เฉลี่ย 1cc จะตกอยู่ประมาณ 2หมื่นบาท ถ้าเกิดเติมในปริมาณที่เท่ากัน ราคาก็จะสูงกว่าหลายเท่า

2.การฉีดเติมไขมันจะมีการพักฟื้นที่นานกว่า โดยคนไข้ที่เติมไขมันจะต้องพักบริเวณที่ดูดไขมันที่อาจจะมีอาการระบม
การเติมไขมันในปริมาณที่มากกว่าการเติมฟิลเลอร์ จะทำให้มีอาการตึงหรือว่าระบมได้ เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่ามีเวลาที่พักฟื้นน้อย และไม่อยากให้ใครจับได้ถึงการเปลี่ยนแปลง การฉีดฟิลเลอร์สารกลุ่ม ไฮยารูลอนิก แอซิด ก็จะตอบโจทย์มากกว่า

3.ในไขมันตนเองจะมีสเตมเซลล์ คือ จะช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดรอยยับปัญหารูขุมขน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นอีกด้วย ในขณะที่ฟิลเลอร์ปกติ ประโยชน์ที่ได้นอกจากการเติมเต็มแล้ว อาจจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ แต่ส่วนอื่นแน่นอนว่าสู้สเตมเซลล์ไม่ได้

4.การฉีดไขมันตนเอง จะใช้ไขมันที่มาจากร่างกายเรา เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้คือ 0% หรือไม่มีเลยนั้นเอง อย่างมากก็คือแพ้ยาชาที่ฉีดเข้าไป แต่ส่วนนี้ก็ผ่านการซักประวัติเบื้องต้นแล้ว ปัญหาการแพ้จึงไม่มี

ส่วนการฉีดสารเติมเต็ม ไฮยารูลอนิก แอซิด ฟิลเลอร์ พบว่ายังมีโอกาสแพ้มากว่า โดยปัญหาการแพ้ที่พบบ่อยๆ จะเป็นการแพ้ที่ปนมาจากการอักเสบเรื้อรังหรือติดเชื้อในระยะหลังการฉีด

5.มีการจำกัดในการฉีดไขมันตนเอง เพราะว่า ใครที่ผอมมากๆ แน่นอนว่าพออายุมากขึ้น สเตมเซลล์ก็จะน้อยลง ไม่สดใสเหมือนตอนเด็กๆ กับคนที่มีน้ำหนักน้อยมากๆ การฉีดไขมันก็จะมีข้อจำกัดทำให้ได้ไขมันที่คุณภาพไม่ดีพอ

ฉีดอะไรดี ระหว่าง ฟิลเลอร์กับไขมันตนเอง

เมื่อเปรียบเทียบกับตัวไฮยารูลอนิก แอซิด จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ ไม่ว่าจะผอมหรือมีอายุขนาดไหนก็สามารถฉีดได้ ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

เมื่ออายุเรามากขึ้น ไขมันบนหน้าก็ค่อยๆลดน้อยลง ทำให้หน้าดูโทรม ไม่สดชื่นเหมือนตอนเป็นเด็ก โดยเฉพาะช่วงใต้ตาที่มีร่องลึก ยิ่งจะทำให้ใบหน้าดูแก่ขึ้น แต่ด้วยวิธีการแก้ไขใบหน้าในสมัยนี้พัฒนามาก การฉีดสารเติมเต็มอย่าง “ฟิลเลอร์” และ “ไขมันตนเอง” จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการแก้ไขใบหน้าที่บกพร่อง

แต่ไม่ว่าจะเลือกฉีดสารเติมเต็มชนิดไหน ยังไงก็ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูว่าเราเหมาะสมกับการฉีดแบบไหนอีกทั้งควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและคลีนิคที่สะอาด ปลอดภัย และน่าเชื่อถือด้วย

About The Author