ฉีดไขมันแล้วตาบอด จริงไหม? ความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด

ฉีดไขมันแล้วตาบอด จริงไหม ความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด

การทำความงามด้วยการฉีดไขมันกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าการใช้ไขมันจากร่างกายตัวเองจะปลอดภัยกว่าการฉีดสารสังเคราะห์ แต่ความจริงที่หลายคนไม่ทราบคือ ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและอันตรายถึงชีวิต ซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ ฉีดไขมันแล้วตาบอด พร้อมแนวทางการป้องกันที่ทุกคนควรทราบก่อนตัดสินใจฉีดไขมันค่ะ

สาเหตุและกลไกการเกิด ฉีดไขมันแล้วตาบอด

สาเหตุและกลไกการเกิด ฉีดไขมันแล้วตาบอด

ฉีดไขมันแล้วตาบอด เกิดขึ้นจากกลไกที่เรียกว่า “การอุดตันของเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา” หรือ Central Retinal Artery Occlusion (CRAO) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ไขมันที่ฉีดเข้าไปติดอยู่ในเส้นเลือดแดงและไหลไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา

ระบบเลือดแดงบนใบหน้าของเรามีการเชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อน เมื่อมีการฉีดไขมันในบริเวณใบหน้า หากเข็มฉีดยาเจาะเข้าไปในเส้นเลือดแดงโดยไม่ตั้งใจ ไขมันจะถูกผลักดันโดยแรงดันของเลือดและไหลไปตามเส้นเลือด เมื่อไขมันมีขนาดใหญ่กว่าเส้นเลือดขนาดเล็ก จะเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงเซลล์ประสาทตาได้

ที่ทำให้ ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นอันตรายมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ก็คือ ไขมันไม่มีเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายได้ในทันที ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ที่สามารถใช้ยา Hyaluronidase สลายได้ทันทีหากเกิดการอุดตันเส้นเลือด

บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงและอาการข้างเคียง

บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงสุดสำหรับการเกิด ฉีดไขมันแล้วตาบอด คือ บริเวณรอบๆ ดวงตา ได้แก่

บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงและอาการข้างเคียง
  • หน้าผาก – เป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยมสูงในการฉีดไขมัน
  • ขมับ – บริเวณที่มีเส้นเลือดเชื่อมต่อโดยตรงกับดวงตา
  • จมูก – โดยเฉพาะบริเวณโคนจมูกและสันจมูก
  • ร่องแก้ม – บริเวณใกล้เคียงกับดวงตา
  • ใต้ตา – เป็นบริเวณที่บอบบางและมีเส้นเลือดหนาแน่น

อาการข้างเคียง

ฉีดไขมันแล้วตาบอด มักเกิดขึ้นทันทีหรือภายในไม่กี่นาทีหลังจากการฉีด อาการที่ผู้ป่วยจะพบได้ แบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้ค่ะ

อาการเบื้องต้น

  • การมองเห็นลดลงอย่างรวดเร็วในข้างเดียว
  • เห็นเป็นจุดดำหรือมีม่านบังใส่หน้าตา
  • ปวดตาหรือบริเวณรอบๆ ดวงตา
  • ตาแดงหรือมีอาการระคายเคือง

อาการร้ายแรง

  • สูญเสียการมองเห็นทั้งหมดในข้างเดียว
  • ไม่สามารถแยกแสงและความมืดได้
  • ม่านตาไม่หดตัวเมื่อส่องแสง
  • อาการปวดศีรษะรุนแรง

ระยะเวลาวิกฤตและการรักษาฉุกเฉิน

ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยมีระยะเวลาวิกฤตที่เรียกว่า “Golden Hour” คือ 90 นาทีแรก หลังจากเกิดอาการ หากไม่ได้รับการรักษาภายในเวลานี้ เซลล์ประสาทตาจะตายอย่างถาวรและไม่สามารถฟื้นคืนได้

ระยะเวลาวิกฤตและการรักษาฉุกเฉิน

ขั้นตอนการรักษาฉุกเฉิน

เมื่อเกิด ฉีดไขมันแล้วตาบอด แพทย์จะต้องดำเนินการรักษาฉุกเฉินดังนี้

  1. การประเมินอาการเบื้องต้น – ตรวจสอบการมองเห็นและตรวจตาด้วยกล้องจักษุ
  2. การลดแรงดันในดวงตา – ใช้ยาลดแรงดันเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  3. การนวดลูกตา – เพื่อพยายามผลักไขมันที่อุดตันให้เคลื่อนที่
  4. การให้ออกซิเจนความดันสูง – เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้เซลล์ประสาทตา
  5. การใช้ยาขยายหลอดเลือด – เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ผลกระทบระยะยาว

แม้จะได้รับการรักษาทันท่วงที ผู้ป่วยที่เกิด ฉีดไขมันแล้วตาบอด อาจยังคงมีผลกระทบระยะยาวได้ เช่น

  • การมองเห็นลดลงถาวร
  • การสูญเสียการมองเห็นบางส่วนหรือทั้งหมด
  • ปัญหาการมองเห็นสี
  • ปัญหาการปรับโฟกัส

วิธีการป้องกันและการเลือกแพทย์

การป้องกันไม่ให้เกิด ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยมีแนวทางดังนี้

วิธีการป้องกันและการเลือกแพทย์

การเลือกแพทย์และสถานพยาบาล

  1. เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ – ควรเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการฉีดไขมัน
  2. ตรวจสอบประสบการณ์ – สอบถามจำนวนเคสที่แพทย์เคยทำและดูผลงานจริง
  3. สถานพยาบาลมาตรฐาน – เลือกสถานที่ที่ได้รับการรับรองและมีอุปกรณ์ครบครันสำหรับการจัดการภาวะฉุกเฉิน

เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย

แพทย์ที่มีประสบการณ์จะใช้เทคนิคป้องกัน ฉีดไขมันแล้วตาบอด ดังนี้

  • ใช้เข็มหัวทู่ (Blunt Cannula) แทนเข็มแหลม
  • ฉีดช้าๆ และสังเกตอาการผู้ป่วยตลอดเวลา
  • หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง
  • ฉีดในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป

การเตรียมตัวของผู้รับบริการ

การเตรียมตัวอย่างถูกต้องก่อนการฉีดไขมันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงของ ฉีดไขมันแล้วตาบอด และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเตรียมตัวของผู้รับบริการ
  • ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด – ทำความเข้าใจความเสี่ยงของการฉีดไขมัน ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด ผู้รับบริการควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน ข้อมูลเปรียบเทียบความเสี่ยงระหว่างการฉีดไขมันกับการฉีดฟิลเลอร์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระยะเวลาการฟื้นตัวและการดูแลหลังการฉีด
  • ปรึกษาแพทย์หลายท่าน – เพื่อรับความเห็นที่หลากหลายและเปรียบเทียบ
    การปรึกษาแพทย์หลายท่านจะช่วยให้ได้รับมุมมองที่หลากหลายและสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
  • แจ้งประวัติสุขภาพ – โรคประจำตัวและยาที่รับประทาน หรือประวัติการฉีดฟิลเลอร์หรือสารอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากการแจ้งประวัติสุขภาพอย่างตรงไปตรงมาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัย

สรุป

ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและอันตรายถึงชีวิต ซึ่งสามารถป้องกันได้หากเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน การตัดสินใจทำความงามด้วยการฉีดไขมันควรทำอย่างรอบคอบ โดยชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงอย่างรอบครอบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจว่า ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาภายใน 90 นาทีแรก หากเกิดอาการผิดปกติระหว่างหรือหลังการฉีด ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร การเลือกความงามไม่ควรมาแลกกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

About The Author